บ้านเรือนไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน)


บ้านเรือนไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน)







             เรือนไทยภาคอีสาน หรือเรือนไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นอีกหนึ่งในสี่ของเรือนไทยสี่ภาค ซึ่งเป็นลักษณะบ้านเรือนที่เป็นเอกลักษณ์และลักษณะเฉพาะของบ้านเรือนไทย

ลักษณะของเรือนไทยภาคอีสานนั้น จะแบ่งออกเป็นสามลักษณะด้วยกันคือ

1. เรือนไทยภาคอีสานชนิดชั่วคราว
เรือนชนิดนี้มีอายุการใช้งานเพียง 1-2 ปีเท่านั้นเองค่ะ เป็นเรือนไทยที่นิยมสร้างขึ้นไว้ใช้ชั่วคราว 
เช่น "เถียงนา" หรือ "เถียงไฮ่" มักจะปลูกไว้เพื่อพักอาศัยในทุ่งนาในกรณีที่ผืนนานั้นอยู่ห่างจากบ้านค่อน ข้างมาก  
ลักษณะของตัวเรือนจะมีเสาไม้จริงทรงสูง หลังคาโครงไม้ไผ่ มุงหญ้าหรือแป้นไม้ที่รื้อมาจากเรือนเก่า 
พื้นไม้ไผ่สับฟาก ฝาโล่ง ซึ่งจะสามารถรื้อซ่อมใหม่ได้ง่าย

2. เรือนไทยภาคอีสานชนิดกึ่้งถาวร
มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "เรือนเหย้า" หรือ "เฮือนย้าว" หรือ "เย่่าเรือน" มีลักษณะเป็นเรือนหลังเล็ก หรือกระต๊อบ ที่ไม่มั่นคงนัก อาจเป็นเรือนเครื่องผูกหรือเครื่องสับก็ได้ เรือนชนิดนี้ มักสร้างเป็นเพิงที่อิงกับตัวเล้าข้าว เรียกว่า " ตูบต่อเล้า " และบางหลัง ก็สร้างเป็นเรือนพักอาศัยที่แยกมาจากเรือนใหญ่ เรียกว่า "ดั้งต่อดิน" มีลักษณะที่ตัวเสาดั้ง จะฝังถึงดินและใช้ไม้ท่อนเดียวตลอดสูงขึ้นไปรับอกไก่  เรือนเหย้ากึ่งถาวรอีกประเภทหนึ่ง คือ "ดั้งตั้งคาน" หรือ ดั้งตั้งขื่อ"   ลักษณะคล้ายเรือนเกยทั่วไป แต่พิถีพิถันน้อยกว่า อยู่ในประเภทของเรือนเครื่องผูก แตกต่างจากเรือนดั้งต่อดิน  ตรงที่เสาดั้งต้นกลาง จะลงมาพักบนคานของด้านสะกัด ไม่ต่อถึงดิน 

3. เรือนไทยภาคอีสานชนิดถาวร
เรือนไทยชนิดนี้ เป็นเรือนเครื่องสับหรือเรือนไม้กระดานค่ะ อาจจำแนกได้สามลักษณะคือ เฮือนเกย เฮือนแฝด เฮือนโข่ง มีลัษณะใต้ถุนสูง ไม่นิยมเจาะช่องหน้าต่าง มีเพียงช่องแคบ ๆ ที่ฝาเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันลมแรงในฤดูหนาว หลังคาเรือนเป็นทรงจั่วแบบเรือนไทยภาคกลาง มุงด้วยกระเบื้องดินเผาหรือไม้สัก จั่วกรุด้วยไม้ตีเกร็ดเป็นรูปรัศมีของพระอาทิตย์ทั้งสองด้าน รอบหลังคาไม่มีชายคาหรือปีกนก


องค์ประกอบของเรือนไทยภาคอีสาน

1. เรือนนอนใหญ่ จะวางด้านจั่วรับทิศตะวันออก-ตะวันตก ส่วนมากจะมีความยาว 3 ช่วงเสา 
เรียกว่า "เรือนสามห้อง" ใต้ถุนโล่ง ชั้นบนแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ

* 1.1 ห้องเปิง เป็นห้องนอนของลูกชาย มักไม่มีการกั้นห้อง
* 1.2 ห้องพ่อ-แม่ อาจกั้นเป็นห้องหรือปล่อยโล่ง
* 1.3 ห้องนอนลูกสาว มีประตูเข้ามีฝากั้นมิดชิด หากมีลูกเขยจะให้นอนในห้องนี้

ส่วนชั้นล่างของเรือนนอนใหญ่ อาจใช้สอยได้อีก เช่น กั้นเป็นคอกวัวควาย ฯลฯ

2. เกย คือบริเวณชานโล่งที่มีหลังคาคลุม เป็นพื้นที่ลดระดับลงมาจากเรือนนอนใหญ่ 
มักใช้เป็นที่รับแขก หรือที่รับประทานอาหาร ส่วนของใต้ถุนจะเตี้ยกว่าปกติ อาจไว้ใช้เป็นที่เก็บฟืน

3. เรือนแฝด เป็นเรือนทรงจั่วแฝด เช่นเดียวกับเรือนนอน โครงสร้างทั้งคานพื้นและขื่อหลังคา 
จะฝากไว้กับเรือนนอน แต่หากเป็นเรือนแฝดลดพื้นลงมากกว่าเรือนนอน ก็มักเสริมเสาเหล็กมารับคานไว้อีกแถวหนึ่งต่างหาก

4. เรือนโข่ง มีลักษณะเป็นเรือนทรงจั่วเช่นเดียวกับเรือนนอนใหญ่ แต่ต่างจากเรือนแฝดตรงที่โครงสร้างของเรือนโข่งจะแยก 
 ออกจากเรือนนอนโดยสิ้นเชิง สามารถรื้อถอนออกไปปลูกใหม่ได้โดยไม่กระทบกระเทือนต่อเรือนนอน

5. เรือนไฟ (เรือนครัว) ส่วนมากจะเป็นเรือน 2 ช่วงเสา มีจั่วโปร่งเพื่อระบายควันไฟ 
ฝานิยมใช้ไม้ไผ่สานลายทแยงหรือลายขัด

6. ชานแดด เป็นบริเวณนอกชานเชื่อมระหว่างเกย เรือนแฝดกับเรือนไฟ มีบันไดขึ้นด้านหน้าเรือน
มี "ฮ้างแอ่งน้ำ" อยู่ตรงขอบของ ชานแดด บางเรือนที่มีบันไดขึ้นลงทางด้านหลังจะมี "ชานมน" ลดระดับ
ลงไปเล็กน้อยโดยอยู่ด้านหน้าของเรือนไฟ



ที่มา  https://sites.google.com




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น